วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556


1. เกาะ Bled, ประเทศสโลวีเนีย
          ทะเลสาบเบลดบริเวณภูเขาจูเลียนทางตอนเหนือของประเทศสโลวีเนียนั้น อยู่ติดกับหมู่บ้านเบลดตามชื่อของมัน ซึ่งมันเป็นเกาะตามธรรมชาติเพียงเกาะเดียวกลางแม่น้ำเท่านั้น บนเกาะนี้มีสิ่งปลูกสร้างรวมอยู่ด้วยกันมากมาย แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นสง่าที่สุดคงจะหนีไม้พ้น โบสถ์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่การขึ้นไปจุติบนสวรรค์ของพระแม่มารีในช่วง ศตวรรษที่ 17 ซึ่งความสวยงามจากศิลปะแนวบารอกของที่นี่ ทำให้มันกลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานยอดนิยมเลยทีเดียว
2. เกาะ Pfalz, ประเทศเยอรมนี

          เกาะบริเวณแม่น้ำไรห์นนี้อยู่ระหว่างเมืองไมนซ์และเมืองโคเบลนซ์ และจากการที่หุบเขาซึ่งรายล้อมแม่น้ำแห่งนี้อยู่ค่อนข้างชัน ทำให้การเดินทางส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านแม่น้ำสายนี้แทน ยิ่งไปกว่านั้น สืบเนื่องจากการที่น้ำขึ้นค่อนข้างสูง ทำให้ปัจจุบันตัวเกาะจมหายไปกว่า 50% แล้ว เหลือไว้เพียงซากต้นไวน์และสิ่งก่อสร้างทรงหกเหลี่ยมเท่านั้น ซึ่งแม้ว่ามันจะยังคงงดงามควรค่าแก่การเยี่ยมชม แต่ไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคตเกาะนี้จะจมลงไปอีกจนสูญหายไปเลยหรือเปล่า
3. เกาะ Visovac, ประเทศโครเอเชีย

          หนึ่งในเหตุผลที่เราควรไปชมเกาะนี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง ก็เพื่อชื่นชมอารามเก่าแก่บนเกาะนั่นเอง โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 1576 คณะฟรันซิสได้สร้างอารามขึ้นที่นี่ ส่วนปัจจุบันอารามนี้ได้ถูกจัดแสดงให้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่ภายนอกถูกจัดเป็นสวนสวยงามให้คนได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ อย่างเต็มที่ ซึ่งต้นไซปรัสที่ล้อมรอบนั้น ดูเหมือนกับรั้วอันแข็งแกร่งที่คอยปกป้องอารามแห่งนี้เอาไว้เลยทีเดียว
4. เกาะ Heart, สหรัฐอเมริกา

          ด้วยรูปทรงหัวใจน่ารักสมชื่อ ทำให้เกาะบริเวณเมืองอเล็กซานเดรียนี้ดูเหมือนเกาะในจินตนาการอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรวมเข้ากับสถาปัตยกรรมอันสวยงามคลาสสิก ยิ่งทำให้มันดูเหมือนความฝันยิ่งขึ้นอีก ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นที่สุดจนเป็นตัวเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้แวะมาก็คือ Power House ตัวสร้างพลังงานบนเกาะ และ Alster Tower นั่นเอง
ภาพจาก Steinhuder-Meer
5. เกาะ Wilhelmstein, ประเทศเยอรมนี

          หากเทียบกับเกาะอื่น ๆ ที่ผ่านมา เกาะ Wilhelmstein เรียกได้ว่าเป็นเกาะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยมันเป็นเกาะที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ด้วยการต่อเติมฐานหินทำให้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแปลกตา ผิดกับเกาะที่เกิดจากธรรมชาติทั่วไป โดยดยุควิลเฮล์มแห่ง Schaumburg-Lippe สร้างมันขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการปกป้องอาณาจักรเล็ก ๆ ของตัวเอง และได้ใช้ประโยชน์จริงเมื่อปี 1787 ตอนที่ดยุคแห่ง Hessen-Kassel เข้าล้อมโจมตีแต่พ่ายแพ้กลับไป
6. เกาะ Mont Saint-Michel, ประเทศฝรั่งเศส

          ทุก ๆ ปีที่เกาะแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยียนเฉลี่ยปีละ 3 ล้านคน และความงามของมันก็ถึงขนาดถูกองค์กร UNESCO ยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกมาแล้ว โดยเกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนกว่า 40 คน และเป็นเขตปกครองของแถบนอร์มังดี ในขณะที่สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะแห่งนี้ก็คืออารามที่ถูกสร้าง ขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 นั่นเอง
7. เกาะ Trakai Island Castle, ประเทศลิทัวเนีย

          "Little Marienburg" คืออีกชื่อที่คนใช้เรียกปราสาทบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งปราสาทที่ดูเหมือนหลุดมาจากนิทานนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ก่อนจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 1409 และปัจจุบันงานคอนเสิร์ต รวมทั้งงานสังสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็เลือกจะมาจัดในสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้มีบรรยากาศย้อนยุคเหมือนอยู่ในโลกเทพนิยาย นอกจากนี้ มันยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมกันได้อีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 300,000 คนต่อปี
8. เกาะ Loreto, ประเทศอิตาลี

          ทะเลสาบ Iseo หรือ Sebino คือทะเลสาบที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเมือง Lombardy และบนทะเลสาบแห่งนี้ก็มีเกาะอยู่มากมาย ซึ่งเกาะ Loreto ก็คือเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเกาะเหล่านั้น แต่ถ้าหากพูดถึงความสวยงามแล้วล่ะก็ รับรองว่าที่นี่ไม่ด้อยกว่าที่ไหนแน่นอน เพราะมันมีปราสาทแนวกอธิคที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1400 ตั้งอยู่ด้วย ทำให้มองเห็นเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม
ภาพจาก linternaute
9. เกาะ Dark, สหรัฐอเมริกา

          เดิมทีปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะบริเวณเส้นทางทะเล St. Lawrence นี้ มีชื่อว่าปราสาท Dark Castle ตามชื่อเกาะ แต่ได้เปลี่ยนมาเป็น Singer Castle เป็นที่เรียบร้อยในปัจจุบัน แถมยังมีข่าวว่ามันเคยเป็นที่ใช้ลักลอบขนส่งเหล้ารัมมาก่อนอีกด้วย อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามแล้ว มันยังเป็นแหล่งตกปลาจำพวกปลาแบสปากใหญ่และปลาไพค์เช่นกัน
10. เกาะ Pontikonisi, ประเทศกรีซ

          แม้ว่าอาราม Pantokrator เก่าแก่นี้จะไม่ได้ดูอลังการแบบปราสาทในเทพนิยายเหมือนที่อื่น ๆ ที่ผ่านมา แต่ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไซดลาดิกอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ก็ช่วยให้อารามสีขาวนี้ดูงดงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ ได้ไม่ยาก จนเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แห่แหนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ นอกจากนี้ เกาะที่เล็กจนได้รับฉายาว่า Mouse Island แห่งนี้ยังเป็นแหล่งธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่มีทั้งปลาและนกอาศัยอยู่มากมายอีก ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น