วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร




1
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

2
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

3
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

4
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :


5
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :


6
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

7
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

8
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

9
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :
เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :



เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :


เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :

เหมือนมาก! ศิลปินดัตช์วาดภาพเลียนแบบอาหาร น่ากินสุด ๆ :
  ประวัติไอศกรีม         
                       

จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีม หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดี จึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้
      

                





เล่ากันว่า"ไอศครีม"มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนในต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้รับประทานกันแต่ภายในวังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหมาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าวล้ำนำสมัยไปโดยปริยาย สืบสาวต้นกำเนิดไอศกรีมยุคโบราณ จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีมไม่ หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆ

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10. ขายชีวิตทิ้งบนอีเมล์ (Your Money For My Life)


   หลังจากถูกภรรยาทิ้ง เอียน อัชเชอร์ หนุ่มเซลแมนขายพรมวัย 44 ปีในนครเพิร์ท ของออสเตรเลีย ตัดสินใจทิ้งชีวิตเดิมๆ ทั้งหมด และนำชีวิตออกประมูลขายเป็นแพกเกจทางเว๊ปไซต์อีเบย์ ซึ่งรวมทั้งบ้านขนาด 3 ห้องนอน พร้อมเฟอร์นิเจอร์ กับรถมาสด้า ซีดาน รุ่นปี 1989, เจ็ตสกี 1 ลำ และคอมพิวเตอร์ รวมทั้งจะช่วยแนะนำเพื่อนฝูง กับช่วยให้ไปทดลองงานในตำแหน่งเดิมของเขาด้วย ในที่สุด แพกเกจนี้ก็มีคนประมูลซื้อไปในราคา 380,000 ดอลลาร์ หรือ 13 ล้านบาท ซึ่งอัชเชอร์ยอมรับในเวลาต่อมาว่า คาดไว้ว่าจะขายได้เงินมากกว่านี้ แต่ก็ยังได้เงินมากพอจะใช้สร้างชีวิตใหม่ คือเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อทำตามเป้าหมายชีวิตที่ตั้งไว ้ 100 อย่างให้บรรลุภายในเวลา 100 สัปดาห์ ซึ่งเขามีแผนจะเขียนลงในบล็อคออนไลน์

9. ฮือฮาพบบิ๊กฟู้ท สุดท้ายก็ไม่ใช่ (Bigfoot Lives! No, Really!) 

ริค ไดเยอร์ กับแมต วิตตัน สองนักล่า"บิ๊กฟู้ท"มือสมัครเล่น สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดแถลงข่าว"บิ๊ก ฟู้ท" ในป่าทางเหนือของรัฐจอร์เจีย มีการเปิดเผยภาพของซากบิ๊กฟู้ดที่มีขนรุงรัง และเนื้อตัวเปื้อนเลือด แต่ในที่สุด นักวิจัยก็เปิดเผยว่า "ซากบิ๊กฟู้ท"ที่ว่า เป็นแค่ชุดกอริลล่ายาง ที่ข้างในยัดไส้ด้วยซากสัตว์ ไม่กี่วันต่อมา ไดเยอร์กับวิตตันซึ่งถูกไล่ออกจากงานตำรวจเพราะเรื่องหลอกลวงนี้ ก็ออกมารับสารภาพว่าแค่ตั้งใจให้เป็นเรื่องตลก

8.ไอศครีม...นมมนุษย์? (Breast Milk Ice Cream)
  
  กลุ่ม สิทธิสัตว์ People for The Ethical Treatment of Animals หรือ Peta เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงบริษัทไอศครีม Ben & Jerry's เรียกร้องให้บริษัทเปลี่ยนจากการใช้นมวัวผลิตไอติม โดยเปลี่ยนมาเป็นใช้นมคน พร้อมระบุว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อลูกค้าและต่อวัว Peta ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นมวัวทำให้คนเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และภูมิแพ้ ...ฯลฯ นมแม่นั้นดีกว่ามาก เป็นไปตามที่คาดว่า ผู้บริหารของ Ben & Jerry's ไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ และพนักงานของบริษัทบอกว่าน่าขยะแขยง ขณะที่ อิงกริด นิวเคิร์ค ประธาน PETA บอกนิตยสาร TIME ในเวลาต่อมาว่า แผนรณรงค์นมแม่ของกลุ่มตนเป็นกลยุทธ เพื่อดึงความสนใจของสาธารณชนไปยังลูกวัวที่ถูกพรากจากแม่หลังจากเกิดได้ไม่ นาน เพื่อใช้เนื้อลูกวัวปรุงอาหาร ขณะที่นมของแม่วัวถูกรีดมาให้ลูกคนกับคนกิน

7. ปลาบำบัด (Fish Pedicures)   

  ผู้หญิงหลายคนพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความงามของเท้า รวมทั้งใช้เท้าให้อาหารปลา ในบางประเทศของเอเชีย นิยมมานานแล้วที่จะแช่เท้าในน้ำ เพื่อให้ปลามารุมตอดกินผิวหนังที่ด้าน เพื่อให้เท้านุ่มแต่วิธีนี้ฮิตมากในสหรัฐฯ

  หลังจากจอห์น โฮ เจ้าของร้านทำผมในเวอร์จิเนีย ประกาศให้บริหารด้านนี้แก่ลูกค้า 5,000 คนในช่วง 4 เดือน ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีบรรดาช่างเสริมสวยลอกเลียนแบบ"โฮ" กันเป็นแถว มีการสั่งซื้อปลานับพันๆตัว มาช่วยทำให้ผิวหนังที่เท้าอ่อนนุ่มขึ้น ก่อนทำเล็บตามปกติโดยช่าง ทำเล็บ แต่ช่างเสริมสวยในรัฐเท็กซัสกับวอชิงตันโชคไม่ดี เพราะสองรัฐนี้รีบออกคำสั่งห้ามใช้วิธีนี้ด้วยเหตุผล ด้านสุขอนามัย แต่นายโฮ ยังคงมาแรงด้วยบริการนี้

6. หย่าเพราะสามีมีชู้ในโลกเสมือนจริง ( Second Life Divorce)   

  ตอนที่สาวอังกฤษชื่อ เอมี่ เทเลอร์ จับได้ว่าสามีนอกใจกับโสเภณี เธอทำแบบที่ผู้หญิงหลายคนทำ คือฟ้องหย่า แต่ที่แปลกกว่าชาวบ้าน คือ สามีนอกใจเธอในโลกเสมือนจริง ด้วยการเล่นเกมชื่อ Second Life และ"โสเภณี"คนที่ว่า อันที่จริง เป็นแม่ม่ายลูกสองจากรัฐอาร์คันซอ  สามี ของเอมี่นอกใจในเกมส์ แต่เอมี่ซึ่งแต่งงานกับเขาเมื่อปี 2548 และแต่งงานกับเขาอีกครั้งอย่างหรูหราในเกม Second Life มองว่าการที่เขานอกใจเธอในเกม เท่ากับนอกใจในชีวิตจริง และใช้เป็นข้ออ้างขอหย่าจริงๆในศาลอังกฤษ หลังหย่ากัน เอมี่ได้พบรักครั้งใหม่ในเว็ป  ส่วนอดีตสามีของเธอกับแม่ม่ายอาร์คันซอคน นั้น ได้หมั้นหมายกันนอกเกมด้วยแล้ว

5. ฝาแฝดในท้องเด็กผู้หญิง (She Ain't Heavy, She's My Partially Absorbed Embryonic Twin)   

  เด็กหญิงกรีกไปหาหมอเพราะปวดท้อง ซึ่งหมอแปลกใจเมื่อพบว่าท้องของเธอบวมโต เพราะมีฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันอยู่ในท้อง แต่ผ่าออกได้โดยปลอดภัย อาการนี้ซึ่งเรียกว่า “Vanishing Twin Syndrome" (โรคแฝดที่สูญหาย) ไม่ใช่ไม่เคยมี ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีบ่อย ถึง 1 ต่อ 8 ของการตั้งท้อง แต่ส่วนใหญ่แฝดจะซ่อนอยู่ในตัวคู่แฝด หรือในตัวมารดาชนิดมองไม่เห็น สำหรับกรณีนี้ ตัวอ่อนขนาด 2 นิ้ว ในท้องของเด็กหญิงไม่มีสมอง แต่มีผมและตา

4. แม่ฉลามเวอร์จิ้น (Virgin Shark Mother)   

ฉลามหลังดำ แอคแลนติค ตัวเมียชื่อ Tidbit ตายในอควอเลี่ยม ที่หาดเวอร์จิเนีย รัฐเวอร์จิเนีย เพราะปัญหาซับซ้อนจากการตั้งท้องเมื่อเดือนตุลาคม เป็นการตายทั้งกลม ซึ่งจากการตรวจสอบซากของลูกปลาในท้องของเธอ พบว่าเป็นการตั้งท้องโดยไม่ต้องอาศัยฉลามเพศผู้ หรือการมีปฏิสนธิโดยไม่มีเพศสัมพันธ์(The asexual reproduction) 
 ครั้ง นี้นับเป็นครั้งที่สองที่มีการบันทึกเรื่องความลับนี้ของฉลาม โดยก่อนหน้านี้ เคยพบที่รัฐเนบราสก้าว่าฉลามหัวค้อนตัวเมียตัวหนึ่ง ตั้งท้องโดยไม่มีเพศผู้ แต่ตอนนั้นคิดกันว่าเป็นเรื่องฟลุ๊ค ข่าวระบุว่า Tidbit มีลำตัวยาว 5 ฟุต และลูกในท้องของเธอตัวยาว 10 นิ้ว และพัฒนาการเกือบจะครบสมบูรณ์แล้ว 

3. เท้าปริศนาทิ้งเกลื่อนนครแวนคูเวอร์ (Strange Things A foot in Vancouver)   

  กรณีแปลกประหลาดที่ทำให้เจ้าหน้าที่สอบสวนในแคนาดา งงงวย และทำให้ไม่มีใครกล้าไปเดินเล่นตามชายหาด คือ นับจากเดือนสิงหาคม ปีนี้ ได้พบเท้าของมนุษย์อย่างน้อย 6 ข้างตามแนวชายฝั่งแคว้นบริติช โคลัมเบียของแคนาดา ที่ ติดกับสหรัฐฯ โดยเท้าข้างแรกที่พบบนชายหาด ในรัฐวอชิงตัน เมื่อสิงหาคม เป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีดำ และข้างล่าสุดซึ่งพบเมื่อเดือนพฤศจิกายน เป็นเท้าในรองเท้ากีฬา Balance รุ่น ใหม่ที่ถูกพบใกล้ปากแม่น้ำสายหนึ่ง ทางใต้ของนครแวนคูเวอร์ 
เท้าข้างหนึ่งที่พบในแคนาดาเป็นของชายคนหนึ่ง ที่หายตัวไปหลายเดือนแล้ว ส่วนอีกสองข้างเป็นของคนละคนกัน ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์บอกว่า เป็นไปตามธรรมชาติที่เท้าอาจหลุดขาดออกจากศพที่ลอยอยู่ในทะเล แต่ไม่อาจอธิบายได้ว่าทำไมถึงมีเท้าหลายข้างนักที่ลอยไปเกยฝั่งที่ช่องแคบ ระหว่างแคว้นบริติชโคลัมเบียและเกาะแวนคูเวอร์

2. บ้องกัญชากะโหลกคน (Night of the Corpse Skull Bong)   

  วัยรุ่นรัฐเท็กซัสคนหนึ่งถูกตำรวจจับข้อหาย่องเบา และในระหว่างให้ปากคำกับตำรวจ เขาก็หลุดปากไปว่าเขากับเพื่อนอีก 2 คน เคยเข้าไป ลักทรัพย์ที่หลุมศพแห่งหนึ่ง โดยใช้อุปกรณ์ทำสวนทุบกระโหลกศพเจ้าของหลุม ก่อนจะนำกระโหลกมาทำเป็นบ้องสูบกัญชา
  ในตอนแรกตำรวจไม่เชื่อคำให้การนี้ แต่เมื่อไปถึงบ้านของเพื่อนหนึ่งในสองคนที่เขาอ้าง เพื่อสอบปากคำเรื่องนี้ เพื่อนของเขาถึงกับคายอาหารกลับลงไปในจานข้าว ในที่สุดของพบว่า เจ้าของกระโหลกเป็นเด็กชายวัย 11 ขวบที่ตายมาตั้งแต่เมื่อ 87 ปีก่อน วัยรุ่นเจ้าของรับสารภาพเลยติดคุก 8 เดือน ข้อหาล่วงละเมิดศพคนตาย

1. ผู้ชายท้อง (The Pregnant Man)   
เมื่อเดือนมีนาคมปี2008 มีข่าวที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือข่าวการตั้งท้องของ Thomas Beatie ผู้เกิดเป็นผู้หญิง แถมเคยเป็นนางงาม แต่อยากเป็นผู้ชาย และได้เข้าผ่านกระบวนการเพื่อเป็นผู้ชาย ซึ่งรวมทั้งการเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมน เทสโทสเตอร์โลน กับกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกให้ดูสมชาย แต่เขายังเก็บระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงไว้

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดอกมะเขือ เป็นดอกที่โน้มต่ำลงมาเสมอ ไม่ได้เป็นดอกที่ชูขึ้น คนโบราณจึงกำหนดให้เป็นดอกไม้สำหรับไหว้ครู ไม่ว่าจะเป็นครูดนตรี ครูมวย ครูสอนหนังสือ ก็ให้ใช้ดอกมะเขือนี้ เพื่อศิษย์จะได้อ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมที่จะเรียนวิชาความรู้ต่างๆ นอกจากนี้มะเขือยังมีเมล็ดมาก ไปงอกงามได้ง่ายในทุกที่ เช่นเดียวกับหญ้าแพรก





หญ้าแพรก เป็นหญ้าที่เจริญงอกงาม แพร่กระจายพันธ์ ไปได้อย่างรวดเร็วมาก หญ้าแพรกดอกมะเขือจึงมีความหมายซ่อนเร้นอยู่ คนโบราณจึงถือเอาเป็นเคล็ดว่า ถ้าใช้หญ้าแพรกดอกมะเขือไหว้ครูแล้ว สติปัญญาของเด็กจะเจริญงอกงามเหมือนหญ้าแพรกและ ดอกมะเขือนั่นเอง






ดอกเข็ม เพราะดอกเข็มนั้นมีปลายแหลม สติปัญญาจะได้แหลมคมเหมือนดอกเข็ม และก็อาจเป็นได้ว่า เกสรดอกเข็มมีรสหวาน การใช้ดอกเข็มไหว้ครู วิชาความรู้จะให้ประโยชน์กับชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสดชื่นเหมือนรสหวานของดอกเข็ม






 
ข้าวตอก เป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย แม้ว่าโดยธรรมชาติแล้วคนเรามักจะมีความซุกซน ความเกียจคร้าน เป็นสมบัติมากบ้าง น้อยบ้างก็ตาม ตาเมื่อเขามีความต้องการศึกษาหาความรู้ เขาก็ต้องรู้จักควบคุมตนเองให้อยู่ในกรอบ ในระเบียบหรือในกฎเกณฑ์ที่สถาบันได้กำหนดไว้ ใครก็ตามหากตามใจตนเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บุคคลนั้นก็จะเป็นเหมือนข้าวเปลือกที่ถูกคั่ว แต่ไม่มีโอกาสได้เป็นข้าวตอก