วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

เหลือเชื่อ

                                     

...เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลพากันปิดปากเงียบ ที่ขบวนรถด่วน
ขบวนหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสารหายลึกลับอย่างไร้ร่องรอย ขณะเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่งเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๙๒ แล้วจู่ๆโผล่ออกมาอีกในสภาพเดิมทุกอย่าง เมื่อต้นปีนี้คือ พ.ศ.๒๕๓๕...

...ที่ประหลาดยิ่งขึ้น ผู้โดยสารจำนวน ๑๒๐ คน และพนักงานประจำรถ ๓ คน มีอายุเท่ากับวันที่หายเข้า
ไปในอุโมงค์ไม่มีใครแก่อายุมากขึ้นสักวันเดียว รูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง และพวกเขายังเชื่อว่า...
 ทุกวันนี้ยังเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ อยู่...

...รัฐบาลอิตาลีเก็บเรื่องนี้เงียบที่จะพูดถึงขบวนรถด่วนหมายเลข เอฟ ๖๒๖ และยังไม่ยอมพูดถึงว่า...
เอาขบวนรถนั้นไปไว้ที่ไหนด้วย  ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังคอยจับตาผู้โดยสารทุกคนเว้นแต่มี ๒ คน...
ที่เป็นชาวต่างประเทศหลบหนีการสอบสวนไป  ส่วนพนักงานประจำรถ ๓ คน รัฐบาลได้เก็บตัวไว้ใน...
สถานที่หนึ่ง ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน...

...ข่าวการหายไปของขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ หายลึกลับไป ๔๒ ปี และโผล่กลับมาอีกนั้น แม้ว่าทาง
การ พยายามปิดข่าว แต่หนังสือพิมพ์อิตาลีเกือบทุกฉบับสามารถที่จะติดตามมาเสนอได้ พยานทีได้
รับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้เผย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ขบวนรถด่วนนี้มีด้วยกัน ๑๓ โบกี้ หายเข้าไปในอุโมงค์...
รถไฟที่มีความยาว ๑ ใน ๔ ไมล์อย่างลึกลับไม่ยอมโผล่ออกไปอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงปิดอุโมงค์ทำ
การค้นหา ซึ่งมีทั้งตำรวจและ นักวิทยาศาสตร์ โดยได้ค้นทุกตารางนิ้ว แต่ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยว่า
มันหายไปได้อย่างไร รางถึงกับรื้อออกแล้วนำมาวางใหม่ เมื่อค้นหากันไม่พบทำให้หลายคนเชื่อว่า...
มนุษย์ต่างดาวได้ทำการโจรกรรมโขมยรถด่วนนี้ไป ตามรายงานของ นสพ.อุโมงค์ได้เปิดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อปี ๒๔๙๓ ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีขบวนรถไฟผ่านไปมาเป็นพันขบวนก็ไม่มีอุบัติเหตุอันแปลก...
ประหลาดลี้ลับนั้นเกิดขึ้นอีกเลย...

...แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ก็มีคนพยายามค้นหาขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ แต่ก็พบว่า
มีแต่ความว่างเปล่า บางคนถึงกับสรุปว่า รถขบวนนี้ถูกหุ้มห่อด้วยกาลเวลาและเดินทางไปสู่อนาคตอัน
ไกลพ้น...

เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐ เรืออินเซอร่า ซึ่งเป็นเรือคุ้มครองเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐ
จู่ๆก็หายอย่างลึกลับจากอู่เรือที่ฟิลาเดลเฟียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่แล้วจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่
ฐานทัพเรือนอร์ฟอร์ด ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้...

...เมื่อรัฐบาลปิดข่าว หนังสืออิตาลีก็พยายามที่จะขุดค้นออกมา ในที่สุดหนังสือพิมพ์โรมเดลี่ที่ขายดีมาก
สามารถไปคว้าเอาเทปมาริโอ ฟรานซินี ช่างเครื่องรถไฟขบวนนี้มาตีแผ่ได้ ซึ่งมีดังนี้...

"ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ไม่นานนักก็มีหมอกสีขาวหนาลอยฟ่อง สมองรู้สึกปั่นป่วนไป
หมด จากนั้นก็หมดสติไม่รู้สึกตัว มาได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อขบวนรถได้ออกจากอุโมงค์แล้ว เราคิดว่าเวลา
คงจะห่างกันไม่ถึงนาทีดี แต่ที่ไหนได้ เมื่อขบวนรถเรากลับมาถึงสถานีโบล้อคน่าถึงได้ทราบว่า ได้ห่างกัน
ถึง ๔๒ ปี นี่คือสิ่งเดียวที่เรารู้ "

...ผู้โดยสารอื่นๆก็ให้การคล้ายคลึงกันว่า มีหมอกลงจัดเมื่อเวลาเข้าอุโมงค์แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย...
...ผู้โดยสารขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ๒ คน ที่หลบการให้การคือ อดอล์ฟ โรเนอร์
เป็นชาวเยอรมันกับมาร์ติน บาร์ตเลตต์ ชาวแอฟริกาใต้ สำหรับโรเนอร์มีนักข่าวอิตาลีได้โทรศัพท์ไป...
หลอกถาม โดยอ้างว่าเป็นผู้โดยสารรถด่วนนั้นด้วยกัน...

...โรเนอร์ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เขาหายไปพร้อมกับขบวนรถไฟนั้นเขาอายุ ๓๐ ปี
มีลูกชายอายุ ๑๐ ขวบ " เดี๋ยวนี้ลูกชายผมอายุ ๕๒ ปีแล้ว อ้วนและเป็นโรคหัวใจ ส่วนภรรยาผมก็ย่างเข้า
๗๐ ปีแล้ว กำลังเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมกลับอายุเพียง ๓๐ ปี เท่านั้น เท่ากับเมื่อปี ๒๔๙๒ ...

...เรื่องราวเหล่านี้เป็นความลึกลับของโลกที่อธิบายได้ยาก ซับซ้อน น่าอัศจรรย์ใจ ต่อผู้ที่ได้รับฟัง

เป็นอย่างยิ่ง...

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

10 อันดับ อุบัติเหตุทางอากาศ ที่ร้ายแรงที่สุดในโลก !


                         
 
10. อุบัติเหตุ McDonnell Douglas DC-8-61 ไฟไหม้ 
วันที่ : 11 กรกฎาคม 1991
สายการบิน : Nigeria Airways
เที่ยวบิน : 2120
เครื่องบิน : McDonnell Douglas DC-8-61
สถานที่เกิดเหตุ : กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
สาเหตุของอุบัติเหตุ : เกิดไฟไหม้ลามเข้าไปใน Hydraulic Line หลังจากออกบินไม่นาน ทำให้เครื่องเสียการควบคุมระดับความสูง
จำนวนผู้เสียชีวิต : 261 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 คน 

 
9. อุบัติเหตุ Airbus A300B4-622R ร่อนลงผิดพลาด 
วันที่ : 26 เมษายน 1994
สายการบิน : China Airlines
เที่ยวบิน : CI140
เครื่องบิน : Airbus A300B4-622R
สถานที่เกิดเหตุ : เมืองนาโกยา จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น
สาเหตุของอุบัติเหตุ : ลูกเรือบังคับเครื่องผิดพลาดขณะกำลังร่อนลง เครื่องเสียระดับและหยุดกลางคัน
จำนวนผู้เสียชีวิต : 264 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 7 คน 

 
8. อุบัติเหตุ Airbus A300-600 ตกใส่ย่านที่พักอาศัย 
วันที่ : 12 พฤษภาคม 2001
สายการบิน : American Airlines
เที่ยวบิน : AA587
เครื่องบิน : Airbus A300-600
สถานที่เกิดเหตุ : Belle Harbor กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
สาเหตุของอุบัติเหตุ : Vertical Stabilizer หลุดออกจากตัวเครื่อง (ความผิดพลาดของนักบินในการตอบสนองต่อ Turbulence) ทำให้เครื่องบินตกใส่ผู้คนและที่พักอาศัย
จำนวนผู้เสียชีวิต : 265 คน (รวมผู้เสียชีวิตบนพื้นดิน 5 คน) จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 1 คน 

 
7. อุบัติเหตุ McDonnell Douglas DC-10 เครื่องยนต์ชำรุด 
วันที่ : 25 พฤษภาคม 1979
สายการบิน : American Airlines
เที่ยวบิน : AA191
เครื่องบิน : McDonnell Douglas DC-10
สถานที่เกิดเหตุ : ท่าอากาศยาน O'Hare เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สาเหตุของอุบัติเหตุ : เครื่องยนต์หลุดออกจากปีกขณะบินขึ้น (ความผิดพลาดจากฝ่ายซ่อมบำรุง) เครื่องเสียหลักและตกใส่ชุมชนบ้านรถพ่วง
จำนวนผู้เสียชีวิต : 273 คน (รวม 2 คนบนพื้นดิน) จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 2 คน 

 
6. อุบัติเหตุ Airbus A300B2-203 ถูกยิงโดยเรือรบ USS 
วันที่ : 3 กรกฎาคม 1988
สายการบิน : Iran Air
เที่ยวบิน : 655
เครื่องบิน : Airbus A300B2-203
สถานที่เกิดเหตุ : อ่าวเปอร์เซียร์
สาเหตุของอุบัติเหตุ : IR655 เป็นเที่ยวบินพลเรือนของอิหร่านแอร์ กำลังมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกยิงตกด้วย missile ของเรือลาดตระเวน USS Vincennes (CG-49) ในอ่าวเปอร์เซีย ทางการสหรัฐแถลงว่า เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบเตือนภัย AEGIS ที่ระบุ เครื่องบินพาณิชย์ที่กำลังไต่ระดับขึ้นผิดพลาด เป็น เครื่องบิน เอฟ-14 ทอมแคท ของอิหร่าน กำลังลดระดับลงเพื่อเตรียมโจมตี เจ้าหน้าทื่จึงได้ส่งสัญญาณวิทยุเตือนนักบินของอิหร่านแอร์ ด้วยความถี่ฉุกเฉินทางทหารจำนวน 7 ครั้ง ความถี่ฉุกเฉินพลเรือนจำนวน 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ (เนื่องจากนักบินเข้าใจว่า คำเตือนนั้นหมายถึงเครื่องบินลาดตระเวน พี-3 ของอิหร่าน ที่บินอยู่ในบริเวณนั้นเป็นประจำ)
จำนวนผู้เสียชีวิต : 290 จำนวนผู้เสียชีวิต : 290 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 คน 

 
5. อุบัติเหตุ Lockheed L1011-200 Tristar เกิดไฟไหม้ขณะกำลังบินขึ้น 
วันที่ : 19 สิงหาคม 1980
สายการบิน : Saudi Arabian Airlines
เที่ยวบิน : SV163
เครื่องบิน : Lockheed L1011-200 Tristar
สถานที่เกิดเหตุ : ท่าอากาศยานนานาชาติ King Khalid กรุงริยาดห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
สาเหตุของอุบัติเหตุ : เกิดไฟไหม้ขณะกำลังบินขึ้น หลังจากลงจอดฉุกเฉินแล้วประตูเครื่องขัดข้องไม่สามารถเปิดได้ คนบนเครื่องเสียชีวิตเพราะถูกรมควันและถูกไฟคลอก ลูกเรือขาดการฝึกเรื่องอพยพผู้โดยสารหนีจากไฟไหม้ และความผิดพลาดของนักบิน
จำนวนผู้เสียชีวิต : 301 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 คน 

 
4. อุบัติเหตุ McDonnell Douglas DC-10-10 เสียการทรงตัว 
วันที่ : 3 มีนาคม 1974
สายการบิน : Turkish Airlines
เที่ยวบิน : TK981
เครื่องบิน : McDonnell Douglas DC-10-10
สถานที่เกิดเหตุ : เมืองแอมเมอนงวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส
สาเหตุของอุบัติเหตุ : ประตูห้องสัมภาระเปิดออกขณะบิน ทำให้ความดันอากาศในห้องโดยสารลดลง และเสียการทรงตัว (ความผิดพลาดตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบเครื่องบิน)
จำนวนผู้เสียชีวิต : 346 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 คน 

 
3. อุบัติเหตุ Boeing 747-100 (Saudi) / Ilyushin II-76 (Kazakhstan) ชนกันกลางอากาศ 
วันที่ : 12 พฤศจิกายน 1996
สายการบิน : Saudi Arabian Airlines / Air Kazakhstan
เที่ยวบิน : SV763 / 9Y1907
เครื่องบิน : Boeing 747-100 (Saudi) / Ilyushin II-76 (Kazakhstan)
สถานที่เกิดเหตุ : เมือง Charkhi Dahdri ประเทศอินเดีย
สาเหตุของอุบัติเหตุ : เครื่องบินชนกันกลางอากาศ,ความผิดพลาดของนักบิน (Air Kazakhstan),การสื่อสารแย่,ทัศนวิสัยไม่ดี,ระบบเรด้าของสนามบินที่ล้าสมัย และเครื่องบินทั้ง 2 ลำไม่มีระบบ TCAS (ระบบป้องกันการชนกันกลางอากาศ)
จำนวนผู้เสียชีวิต : 312 / 37 คน (รวม 349 คน) จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 / 0 คน 

 
2. อุบัติเหตุ Boeing 747-SR46 เสียการควบคุม 
วันที่ : 12 สิงหาคม 1985
สายการบิน : Japan Airlines
เที่ยวบิน : JL123
เครื่องบิน : Boeing 747-SR46
สถานที่เกิดเหตุ : ภูเขาโอสุทากะ จังหวัดกุนมะ ประเทศญี่ปุ่น
สาเหตุของอุบัติเหตุ : Vertical stabilizer หลุดออกจากตัวเครื่อง (เหตุจากความผิดพลาดในการซ่อมบำรุง) และเสียการควบคุม
จำนวนผู้เสียชีวิต : 520 คน จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 4 คน
 
 
หลังจากเครื่องหายไปจากจอเรด้าร์ ทหารอเมริกาได้แจ้งไปยัง บริษัท เจแปนแอร์ไลน์ และส่งเครื่องบิน C130 ออกค้นหาทันที จนกระทั่ง 20 นาทีหลังจากเกิดเหตุ เครื่องบิน C130 ของอเมริกาได้พบจุดที่เกิดเหตุเป็นเจ้าแรก และทางฐานทัพอเมริกาประจำที่ Yokota ติดต่อยื่นมือช่วยเหลือ โดยจะส่งเฮลิคอปเตอร์อันทันสมัยเข้าไปหย่อนทีมกู้ภัย แต่ทางเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นปฎิเสธ ไม่ให้เข้ายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด 

 
ทว่าการค้นหาของทางญี่ปุ่นเองก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณป่าเขารกทึบ และเป็นเวลาใกล้ค่ำ ทัศนวิสัยไม่ดี ไม่สามารถใช้ ฮ.ได้ ซึ่งกว่าทีมกู้ภัยจะเข้าไปถึงที่เกิดเหตุก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง
 
งานนี้คนจำนวนมากไม่พอใจที่ทีมช่วยเหลือญี่ปุ่นที่มาช้า แถมไม่รับการช่วยเหลือจากทหารอเมริกาอีก เพราะถ้ามาเร็วเคลมเร็ว จำนวนผู้เสียชีวิตคงไม่มากมายขนาดนี้ ด้วยไฟที่ลามคลอกตัวกับการเสียเลือดมาก และอากาศที่หนาวเย็น ทำให้คนที่บาดเจ็บสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนเสียชีวิตจำนวนมาก 

 
1. อุบัติเหตุ Boeing 747-121 (Pan Am) / Boeing 747-206B (KLM) ประสานงากันบนรันเวย์ 
วันที่ : 27 มีนาคม 1977
สายการบิน : KLM Royal Dutch Airlines / Pan American World Airlines
เที่ยวบิน : KL4805 / PA1736
เครื่องบิน : Boeing 747-121 (Pan Am) / Boeing 747-206B (KLM)
สถานที่เกิดเหตุ : ท่าอากาศยาน Los Rodeos บนเกาะ Tenerife ในหมู่เกาะคานารี ประเทศสเปน
สาเหตุของอุบัติเหตุ : เครื่องบินชนประสานงากันบนรันเวย์ขณะทำการบินขึ้น,ความผิดพลาดของนัก บิน(KLM),ความผิดพลาดของหอบังคับการบินในเรื่องความกำกวมของภาษา
จำนวนผู้เสียชีวิต : 248 / 335 คน (รวม 583 คน) จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ : 0 / 61 คน (คนบนเครื่อง Pan Am)
 
โดยจุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุครั้งนี่เกิดจากการขู่จะมีก่อวินาศกรรมที่สนาม บิน Las Pamas ทำให้เที่ยวบินทุกเที่ยวบินที่จะไปลงที่นั่นถูกย้ายให้ไปลงที่ Tenerife แทน ตอนนั้นเรื่องการตรงต่อเวลาของสายการบินค่อนข้างเคร่งครัดมาก ทำให้นักบินของ KLM เกิดความเครียด บวกกับสภาพอากาศที่แย่ลง ทำให้นักบิน KLM กังวลว่า จะไปไม่ทันเวลา เพราะช่วงนั้นถ้าไปไม่ทันเวลานักบินจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำการบินทันที และหลังจากนั้นนักบินก็นำเครื่องขึ้นโดยที่หอยังไม่ได้อนุญาตให้ขึ้น ซึ่งต่อมาก็ไปชนกับเครื่องของ Pan Am ที่อยู่บนรันเวย์
 
ความเข้าใจผิดในการสื่อสาร คือ Co-pilote ของ KLM บอกหอบังคับว่า We're at take off ซึ่งหมายถึง กำลังจะ take off และทางหอบังคับตอบว่า OK ซึ่งทางหอบังคับเข้าใจว่า KLM อยู่ใน take off position เพื่อรอคำสั่งต่อไป แต่ KLM เข้าใจว่า OK คือ เป็น take off clearance แล้ว จึงขึ้นบินทันที 

 
ตอนชนกันนั้น KLM พยายามขึ้นบินแล้ว ขณะที่ Pan Am ที่อยู่บนพื้นก็พยายามหักหลบแต่ไม่พ้น ผลทำให้ KLM ระเบิดเละ คนเสียชีวิตยกลำ แต่ Pan AM หลังคาส่วนบนเปิดแล้วเกิดไฟไหม้ จึงทำให้มีคนรอดชีวิตจำนวนหนึ่ง 

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

นก 10 สายพันธุ์สวยแปลกราวกับแต่งด้วยโฟโต้ชอป

นก 10 สายพันธุ์สวยแปลกราวกับแต่งด้วยโฟโต้ชอป
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก birdforum.netshuangxingfu.blogspot.comsurfbirds.com,northrup.org

        นกที่เห็นกันทั่วไปมักไม่ค่อยจะแตกต่างกัน ทั้งรูปร่าง ขนาด และสีสัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอะไรกับการเจอนกสักตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ แต่เชื่อว่า หลังจากที่ได้เห็นนก 10 สายพันธุ์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ทุกคนจะต้องตะลึงและทึ่งกับความมหัศจรรย์ในสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างแน่นอน งานนี้บอกได้เลยว่า แต่ละตัวสวยแปลกตาราวกับใช้โฟโต้ชอปแต่งภาพเลยทีเดียว ส่วนจะมีนกชนิดใดบ้างนั้น เรามาดูพร้อม ๆ กันเลยจ้า 




        นกที่เห็นกันทั่วไปมักไม่ค่อยจะแตกต่างกัน ทั้งรูปร่าง ขนาด และสีสัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอะไรกับการเจอนกสักตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ แต่เชื่อว่า หลังจากที่ได้เห็นนก 10 สายพันธุ์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ทุกคนจะต้องตะลึงและทึ่งกับความมหัศจรรย์ในสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างแน่นอน งานนี้บอกได้เลยว่า แต่ละตัวสวยแปลกตาราวกับใช้โฟโต้ชอปแต่งภาพเลยทีเดียว ส่วนจะมีนกชนิดใดบ้างนั้น เรามาดูพร้อม ๆ กันเลยจ้า 



        นกที่เห็นกันทั่วไปมักไม่ค่อยจะแตกต่างกัน ทั้งรูปร่าง ขนาด และสีสัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอะไรกับการเจอนกสักตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ แต่เชื่อว่า หลังจากที่ได้เห็นนก 10 สายพันธุ์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ทุกคนจะต้องตะลึงและทึ่งกับความมหัศจรรย์ในสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างแน่นอน งานนี้บอกได้เลยว่า แต่ละตัวสวยแปลกตาราวกับใช้โฟโต้ชอปแต่งภาพเลยทีเดียว ส่วนจะมีนกชนิดใดบ้างนั้น เรามาดูพร้อม ๆ กันเลยจ้า 


นกอันเดียน ค็อกออฟเดอะร็อก (Andean Cock-of-the-Rock)
         10. นกอันเดียน ค็อกออฟเดอะร็อก (Andean Cock-of-the-Rock) 
         หากไม่เห็นตัวจริงอาจทำให้หลายคนคิดว่าเป็นภาพที่ตกแต่งด้วยเครื่องมือขยายส่วน ในโปรแกรมโฟโต้ชอปแน่ ๆ เพราะบนหัวของนกตัวผู้ชนิดนี้จะมีหงอนยื่นออกมาพร้อมกับขนปุกปุยสีส้มสดสุดน่ารัก เหมือนมันใช้ผ้าคลุมไว้อย่างไรอย่างนั้น ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นแบบนี้นี่เอง ที่ส่งผลให้นกอันเดียน ค็อกออฟเดอะร็อก กลายเป็นนกประจำชาติของประเทศเปรูไปแล้ว

         หากไม่เห็นตัวจริงอาจทำให้หลายคนคิดว่าเป็นภาพที่ตกแต่งด้วยเครื่องมือขยายส่วน ในโปรแกรมโฟโต้ชอปแน่ ๆ เพราะบนหัวของนกตัวผู้ชนิดนี้จะมีหงอนยื่นออกมาพร้อมกับขนปุกปุยสีส้มสดสุดน่ารัก เหมือนมันใช้ผ้าคลุมไว้อย่างไรอย่างนั้น ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นแบบนี้นี่เอง ที่ส่งผลให้นกอันเดียน ค็อกออฟเดอะร็อก กลายเป็นนกประจำชาติของประเทศเปรูไปแล้ว
       
นกขุนแผนมรกต (Resplendent Quetzal)
        9. นกขุนแผนมรกต (Resplendent Quetzal) 
        ความพิเศษของนกชนิดนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งนกประจำชาติของประเทศกัวเตมาลาเท่านั้น แต่มันยังมีสีสันสะดุดตาด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนสีขาวกับสีแดงสดบริเวณลำตัว และหางยาว ๆ สีเขียวมรกตอันเป็นที่มาของชื่อ ที่ช่วยให้ลำตัวเล็ก ๆ มีความโดดเด่นขึ้น โดยลำตัวของมันยาวถึง 32 เซนติเมตร โดยส่วนมากจะพบในเขตป่าใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณหุบเขาสูง


        ความพิเศษของนกชนิดนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งนกประจำชาติของประเทศกัวเตมาลาเท่านั้น แต่มันยังมีสีสันสะดุดตาด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนสีขาวกับสีแดงสดบริเวณลำตัว และหางยาว ๆ สีเขียวมรกตอันเป็นที่มาของชื่อ ที่ช่วยให้ลำตัวเล็ก ๆ มีความโดดเด่นขึ้น โดยลำตัวของมันยาวถึง 32 เซนติเมตร โดยส่วนมากจะพบในเขตป่าใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณหุบเขาสูง


นกยูงขาว  (White Peacocks)
        8. นกยูงขาว  (White Peacocks)
        แค่ได้ชื่อว่าเป็นนกยูงก็การันตีความสวยงามอยู่แล้ว แต่กลับน่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อขนของมันกลายสีขาวทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะเวลาที่รำแพนหางออกแล้วเดินเฉิดฉายไปมา ให้ความรู้สึกเดียวกับเจ้าหญิงในเทพนิยายเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แตกต่างไปจากสายพันธุ์ปกติ ก็เนื่องมาจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการเกิดเม็ดสีนั่นเอง
        แค่ได้ชื่อว่าเป็นนกยูงก็การันตีความสวยงามอยู่แล้ว แต่กลับน่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อขนของมันกลายสีขาวทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะเวลาที่รำแพนหางออกแล้วเดินเฉิดฉายไปมา ให้ความรู้สึกเดียวกับเจ้าหญิงในเทพนิยายเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แตกต่างไปจากสายพันธุ์ปกติ ก็เนื่องมาจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการเกิดเม็ดสีนั่นเอง
     
นกเบลเบิร์ด (Three-Wattled Bellbird)
        7. นกเบลเบิร์ด (Three-Wattled Bellbird)

        สีสันโดยรวมเหมือนกับนกในตระกูลเหยี่ยวไม่มีผิดเพี้ยน แต่แตกต่างกันตรงหนวดสีดำที่ยื่นยาวออกมาจากจงอยปาก กับขนสีดำรอบดวงตาเหมือนกรีดอายไลเนอร์ นอกจากนี้ถึงแม้ลุคจะดูเหี้ยมโหด ทว่านิสัยส่วนตัวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเป็นนกที่กินพืชเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งหลายนั่นเอง
        7. นกเบลเบิร์ด (Three-Wattled Bellbird)
        สีสันโดยรวมเหมือนกับนกในตระกูลเหยี่ยวไม่มีผิดเพี้ยน แต่แตกต่างกันตรงหนวดสีดำที่ยื่นยาวออกมาจากจงอยปาก กับขนสีดำรอบดวงตาเหมือนกรีดอายไลเนอร์ นอกจากนี้ถึงแม้ลุคจะดูเหี้ยมโหด ทว่านิสัยส่วนตัวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเป็นนกที่กินพืชเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งหลายนั่นเอง
        สีสันโดยรวมเหมือนกับนกในตระกูลเหยี่ยวไม่มีผิดเพี้ยน แต่แตกต่างกันตรงหนวดสีดำที่ยื่นยาวออกมาจากจงอยปาก กับขนสีดำรอบดวงตาเหมือนกรีดอายไลเนอร์ นอกจากนี้ถึงแม้ลุคจะดูเหี้ยมโหด ทว่านิสัยส่วนตัวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเป็นนกที่กินพืชเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งหลายนั่นเอง
       
นกจงอยปากรองเท้า (Shoebill)
        6. นกจงอยปากรองเท้า (Shoebill)
        จัดอยู่ในตระกูลของนกกระสาซึ่งมีลักษณะเด่นอยู่ที่จงอยปากใหญ่ ๆ คล้ายกับรูปทรงของหัวรองเท้า ส่วนมากจะอาศัยอยู่บริเวณบึงใหญ่ ๆ และกินสัตว์เล็กเป็นอาหารหลัก อย่างเช่น ปลา กบ ลูกจระเข้ และลูกนก เป็นต้น ในตอนนี้ประชากรของพวกมันมีจำนวนลดน้อยลงไปมาก ดังนั้นหากใครอยากเห็นตัวจริงอาจต้องลงทุนเดินทางไปยังเขตชายแดนระหว่างซูดานกับเซอเบียเลยทีเดียว
   

        จัดอยู่ในตระกูลของนกกระสาซึ่งมีลักษณะเด่นอยู่ที่จงอยปากใหญ่ ๆ คล้ายกับรูปทรงของหัวรองเท้า ส่วนมากจะอาศัยอยู่บริเวณบึงใหญ่ ๆ และกินสัตว์เล็กเป็นอาหารหลัก อย่างเช่น ปลา กบ ลูกจระเข้ และลูกนก เป็นต้น ในตอนนี้ประชากรของพวกมันมีจำนวนลดน้อยลงไปมาก ดังนั้นหากใครอยากเห็นตัวจริงอาจต้องลงทุนเดินทางไปยังเขตชายแดนระหว่างซูดานกับเซอเบียเลยทีเดียว
   
นกสแตนดาร์ดวิงค์ ไนท์จาร์ (Standard-Winged Nightjar)
        5. นกสแตนดาร์ดวิงค์ ไนท์จาร์ (Standard-Winged Nightjar)
        นกธรรมดาที่ไม่ธรรมดาด้วยความโดดเด่นของขนใบพัดสีดำอันใหญ่ขนาดเกือบเท่าลำตัวที่ยื่นยาวออกจากปีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อใช้ดึงดูดความสนใจจากนกตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์นั่นเอง นกสแตนดาร์ดวิงค์ ไนท์จาร์เป็นนกอีกหนึ่งชนิดที่พบมากในทวีปแอฟริกา แถบฝากตะวันออกของประเทศเซเนกัลเรื่อยไปจนถึงประเทศเอธิโอเปีย


        นกธรรมดาที่ไม่ธรรมดาด้วยความโดดเด่นของขนใบพัดสีดำอันใหญ่ขนาดเกือบเท่าลำตัวที่ยื่นยาวออกจากปีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อใช้ดึงดูดความสนใจจากนกตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์นั่นเอง นกสแตนดาร์ดวิงค์ ไนท์จาร์เป็นนกอีกหนึ่งชนิดที่พบมากในทวีปแอฟริกา แถบฝากตะวันออกของประเทศเซเนกัลเรื่อยไปจนถึงประเทศเอธิโอเปีย


นกริบบอนเทล แอสทราเปีย (Ribbon-Tailed Astrapia)
        4. นกริบบอนเทล แอสทราเปีย (Ribbon-Tailed Astrapia)
        เมื่อได้เห็นภาพแล้วคงทำให้หลายคนสงสัยไม่น้อยเลยว่า พวกมันสามารถพาตัวเองบินเหนือพื้นดินได้อย่างไร ในเมื่อมีหางที่อาจมีความยาวถึง 1 เมตร ทั้ง ๆ ที่ขนาดลำตัวเล็กนิดเดียว อย่างมากก็ไม่เกิน 32 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ดังนั้นรูปร่างของมันจึงเหมือนกับโดนต่อเติมด้วยโฟโต้ชอป นอกจากนี้ยังเป็นนกที่พบเห็นได้ยาก โดยจะเจอเฉพาะที่ราบสูงในประเทศปาปัวนิวกินีเท่านั้น


        เมื่อได้เห็นภาพแล้วคงทำให้หลายคนสงสัยไม่น้อยเลยว่า พวกมันสามารถพาตัวเองบินเหนือพื้นดินได้อย่างไร ในเมื่อมีหางที่อาจมีความยาวถึง 1 เมตร ทั้ง ๆ ที่ขนาดลำตัวเล็กนิดเดียว อย่างมากก็ไม่เกิน 32 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ดังนั้นรูปร่างของมันจึงเหมือนกับโดนต่อเติมด้วยโฟโต้ชอป นอกจากนี้ยังเป็นนกที่พบเห็นได้ยาก โดยจะเจอเฉพาะที่ราบสูงในประเทศปาปัวนิวกินีเท่านั้น


นกพิลูซอนหัวใจเลือด (Luzon Bleeding-Heart)
        3. นกพิลูซอนหัวใจเลือด (Luzon Bleeding-Heart)
        ที่มาของชื่อสืบเนื่องมาจากเป็นนกประจำถิ่นเมืองลูซอน เกาะที่มีขนาดใหญที่สุดของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมาพร้อมกับกระจุกสีแดงราวกับเลือดสดบริเวณหน้าอกเหมือนมีบาดแผลติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่ง ยืน หรือเดิน ถ้าหากไม่รู้ก็อาจจะคิดได้ว่ามันโดนทำร้ายมาก็ได้ โดยวงสีแดงของตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าของตัวเมีย ซึ่งพบเห็นพวกมันได้ตามป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และบนภูเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร

        ที่มาของชื่อสืบเนื่องมาจากเป็นนกประจำถิ่นเมืองลูซอน เกาะที่มีขนาดใหญที่สุดของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมาพร้อมกับกระจุกสีแดงราวกับเลือดสดบริเวณหน้าอกเหมือนมีบาดแผลติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่ง ยืน หรือเดิน ถ้าหากไม่รู้ก็อาจจะคิดได้ว่ามันโดนทำร้ายมาก็ได้ โดยวงสีแดงของตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าของตัวเมีย ซึ่งพบเห็นพวกมันได้ตามป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และบนภูเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร
       
นกอัมเบลลาเบิร์ด
        2. นกอัมเบลลาเบิร์ด (Long-Wattled Umbrellabird)
        หรือเรียกกันว่านกหงอนร่มเหนียงยาว เนื่องจากเหนือแผงอกใกล้กับจงอยปากมีเหนียงสีดำปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ ยื่นออกมา ซึ่งมีไว้ใช้ขับเสียงของตัวเองให้ดังก้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนกที่พบได้ในป่าเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 80 - 1,800 เมตร ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีลำตัวค่อนข้างใหญ่ง่ายต่อการล่า ส่งผลให้จำนวนของพวกมันลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว และตอนนี้มีให้เห็นเฉพาะในเขตสงวนเท่านั้น
        หรือเรียกกันว่านกหงอนร่มเหนียงยาว เนื่องจากเหนือแผงอกใกล้กับจงอยปากมีเหนียงสีดำปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ ยื่นออกมา ซึ่งมีไว้ใช้ขับเสียงของตัวเองให้ดังก้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนกที่พบได้ในป่าเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 80 - 1,800 เมตร ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีลำตัวค่อนข้างใหญ่ง่ายต่อการล่า ส่งผลให้จำนวนของพวกมันลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว และตอนนี้มีให้เห็นเฉพาะในเขตสงวนเท่านั้น
       
นกคิงส์ ออฟ แซกโซนี (King of Saxony Bird of Paradise)


        ถือได้ว่าเป็นสาพันธุ์นกที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณเหนือดวงตากลมใสดำสนิทกลับมีก้านสีขาวโผล่พ้นออกมาประดับด้วยขนเล็ก ๆ เกาะอยู่โดยรอบเหมือนกับสายรุ้งไม่มีผิด และมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ยาวกว่าขนาดลำตัวของนกถึง 1 เท่า ทั้งนี้ สามารถพบนกประเภทดังกล่าวได้ตามป่าเขาในประเทศปาปัวนิวกินีเท่านั้น
        ถือได้ว่าเป็นสาพันธุ์นกที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณเหนือดวงตากลมใสดำสนิทกลับมีก้านสีขาวโผล่พ้นออกมาประดับด้วยขนเล็ก ๆ เกาะอยู่โดยรอบเหมือนกับสายรุ้งไม่มีผิด และมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ยาวกว่าขนาดลำตัวของนกถึง 1 เท่า ทั้งนี้ สามารถพบนกประเภทดังกล่าวได้ตามป่าเขาในประเทศปาปัวนิวกินีเท่านั้น










        1.  นกคิงส์ ออฟ แซกโซนี (King of Saxony Bird of Paradise)

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

อันตรายจาก...มันฝรั่ง

                                           
ทราบกันหรือเปล่าค่ะว่า มันฝรั่ง ที่เรากินนั้นมีอัตรายอยู่ไม่น้อย แล้วอันตรายของมันฝรั่งนั้นมันจะมีอะไรอยู่บ้าง และควรหลีกเลี่ยงอย่างไร ?
      เรื่องของมันฝรั่งเป็นที่นิยมกันมากและได้นำไปเล่าสู่กันฟังใน Food News เพราะเนื่องจากว่ามันฝรั่งเป็นอาหารที่คนไทยเราชอบกินกันเป็นอย่างมากในสมัยนี้ที่ชอบกินมากๆ คือเด็กและกลุ่มวัยรุ่น จะชอบบริโภคอาหารฟาสต์ฟู๊ดและขนมต่างๆ ที่ได้ทำมาจากมันฝรั่งแล้วรู้หรือเปล่าว่ามันฝรั่งที่เรากำลังกินอยู่นั้นมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่ 

      ได้มีการค้นพบว่ามันฝรั่งนั้นมีสารพิษร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งสารพิษที่พบในหัวมันฝรั่งนั้นได้แก่ สารไกลโคแอลคาลอยด์ (glycoalkaloids) นั้นจะไปยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์คอลีนเอสเทอเรส (Cholinesterase) ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการ ปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หรือทำให้ไข้ขึ้นเลยก็เป็นได้ สารในมันฝรั่งนั้นจะมีอยู่ประมาณ 0.01 – 0.1% มีน้ำหนักแห้ง ที่สำคัญเลยก็คือ ความร้อนนั้นจะไม่สามารถทำลายสารนี้ได้ งั้นก็แสดงว่าหากมันฝรั่งได้ผ่านความร้อนจากการทอด การต้ม แล้วก็จะไม่ส่งผลกระทบอันตรายใดๆ ต่อเราได้เลย แต่การกินมันฝรั่งปกติในชีวิตประจำวันนั้นจะไม่เกิดโทษจากสารชนิดนี้
     และนอกจากนี้แล้วมันฝรั่งยังมีการยับยั้งและมีโปรตีนอยู่ซึ่งได้แก่ สารที่ยับยั้งการทำงานของทริปซิน และการทำงานของไคโมทริปซิน เป็นต้น ซึ่งสารดังกล่าวนี้จะถูกทำลายเมื่อได้พบกับความร้อน จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเวลาที่เรารับประทานมันฝรั่งนั้นเราควรจะต้ม ทอด ให้สุกก่อนเพื่อเป็นการละลายสารพิษ และเรายังสารมารถกินได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ตั้ง'โดราเอมอน'เป็นทูตโอลิมปิก2020

  9 ก.ย.56 คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของญี่ปุ่นเริ่มประชุมทันที หลังได้รับการโหวตเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 โดยมติที่ประชุมได้แต่งตั้ง โดราเอมอน ตัวการ์ตูนแมวสีฟ้ายอดฮิตของญี่ปุ่นให้เป็นทูตประจำการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งโดราเอมอน จะทำหน้าที่โปรโมทงาน รายงานความคืบหน้า รวมไปถึงสินค้าต่างๆ และจะต้องไปปรากฏตัวตามงานอีเว้นต์โปรโมทโอลิมปิคตามสถานที่ต่างๆ ทำหน้าที่ใน Social Network ในหน้า Facebook ของคณะกรรมการเสนอขอเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคโตเกียว ฯลฯ ในการช่วยสื่อสารและประชาสัมพันธ์
               สำหรับ โดราเอมอน เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 (ค.ศ. 2112) ลักษณะตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ มีหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยง ซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือ เซวาชิเหลนชายของโนบิตะ วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลาไปคอยช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดนแกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ
               ทั้งนี้ โดราเอมอน เคยได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์เอเชีย ให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย และในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 มาซาฮิโกะ คามูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้แต่งตั้งให้โดราเอมอนเป็นทูตสันถวไมตรีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศ โดยนับเป็น "ทูตแอนิเมชัน" ตัวแรกของประเทศญี่ปุ่น
               ตัวละครโดราเอมอนนั้น ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจากนักวาดการ์ตูนทั้ง 2 ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาทั้งสองไว้ว่า จะมีตัวเอกที่ออกมาจากลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ แต่ในความจริงแล้วทั้งสองยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก
               ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน ได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เขามักจะชอบจับแมวตัวนี้มาหาหมัด จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ ทำให้ฮิโรชิโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไป จึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่บนพื้น
               เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสมกับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ได้เรื่อง และตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง "โดราเนโกะ" กับ "เอมอน" ในภาษาญี่ปุ่น โดราเนโกะนั้นแปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น
               อีกทั้ง โดราเอมอนสมัยตัวสีฟ้าไม่มีหูและเป็นตอนแรกที่โดราเอมอนนั่งไทมแมชชีนมาที่บ้านของโนบิตะ
               โดยโดราเอมอนถูกผลิตขึ้นในโรงงานสร้างหุ่นยนต์ที่เมืองโตเกียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทำให้โดราเอมอนมีคุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่น ต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการโดราเอมอน ที่นั่น) จนกระทั่งวันหนึ่ง ในงาน "โรบ็อต ออดิชัน" ซึ่งเป็นงานที่จัดให้มีการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิในวัยเด็ก เขาจึงได้กดปุ่มเลือกซื้อโดราเอมอนมาไว้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ โดราเอมอนจึงได้มาอยู่อาศัยที่บ้านของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนต์เลี้ยงเด็ก แต่ในต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแตกต่างกัน คือ โดราเอมอนได้ถูกนำไปขายทอดตลาด เพราะเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ จากนั้นพ่อแม่ของเซวาชิจึงมาซื้อโดราเอมอนไปไว้ที่บ้าน
               แต่เดิมนั้นตัวโดราเอมอนมีสีเหลือง และมีหู แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 (พ.ศ. 2665) ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว "โนราเมียโกะ" แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอรู้ว่าโดราเอมอนไม่มีหู เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่โดราเอมอนหยิบผิดกลายเป็นดื่มยาโศกเศร้าแทน ทำให้เขาโศกเศร้ากว่าเดิม และร้องไห้ไม่หยุดอยู่ริมชายหาด 3 วัน 3 คืน จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียดกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก
               นอกจากนั้น โดราเอมอนยังมีน้องสาวชื่อโดเรมี ที่จริงก็แค่ใช้เศษเหล็กแบบเดียวกันในการผลิต แต่โดเรมีใช้น้ำมันรุ่นใหม่ ขณะที่ผลิตโดราเอมอนอยู่ได้ทำชิปหล่นหายไป 1 ส่วน จึงทำให้หยิบของวิเศษผิดพลาดบ่อยๆ