วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


น.ศ.สอบตกผูกคอตาย-แค้นเขียนชื่ออาจารย์ที่ฝ่าเท้า

Share
เครียดจัด! นักศึกษา ปี 4 สอบตก ผูกคอตาย หลังจากขาดคะแนนไปเพียง 4 คะแนน อีกทั้งยังแค้นจัด เขียนชื่ออาจารย์วิชาดังกล่าวไว้ที่ฝ่าเท้า ด้านอาจารย์ดังกล่าวขอเข้าชี้แจง จนมารดาของผู้ตายอโหสิกรรม

อุบลราชธานี – วานนี้ (28 พ.ค. 55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เดินทางไปเคารพศพ นายศิวะดล มั่นคง อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่เสียชีวิตหลังจากใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองตาย เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่พอใจของบรรดาญาติ ๆ เนื่องจากเชื่อว่า อาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัย เป็นต้นเหตุที่ทำให้นายศิวะดลคิดสั้น
ทั้งนี้ ผู้ปกครองของนายศิวะดล เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายศิวะดล น่าจะมาจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่นายศิวะดลเขียนชื่อไว้ที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง เพราะนายศิวะดลขาดคะแนนสอบของวิชาอาจารย์ท่านนี้เพียง 4 คะแนน แต่อาจารย์ท่านนี้ก็ไม่ยอมให้ผ่าน เป็นเหตุให้นายศิวะดลสอบตก ไม่สามารถเรียนจบพร้อมเพื่อนได้
ขณะที่ ศ.ดร.นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้กล่าวชี้แจงแก่ นางสงบ กากแก้ว มารดานายศิวะดล ถึงระบบการเรียนของมหาวิทยาลัย และอยากให้นางสงบใจเย็นลง ส่วนทางด้านอาจารย์ที่นายศิวะดลได้เขียนชื่อไว้ที่ฝ่าเท้า กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นายศิวะดล เป็นคนที่ขยันตั้งใจเรียน ซึ่งช่วงเรียนซัมเมอร์ที่ผ่านมา นายศิวะดล ได้ลงเรียนอีก 2 วิชา คือ วิชาเอกเทศสัญญา กฎหมายลักษณะตัวแทนนายหน้า และหุ้นส่วนบริษัท เป็นวิชาบังคับ โดยมีตนเป็นอาจารย์ประจำวิชา และเกณฑ์ของวิชาดังกล่าว นักศึกษาจะต้องสอบได้คะแนน 60 เปอร์เซ็นต์ จึงจะผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน แต่นายศิวะดลสอบไม่ผ่าน เพราะทำข้อสอบได้เพียง 56 คะแนน
อาจารย์คนดังกล่าว ระบุอีกว่า เมื่อทราบผลคะแนน นายศิวะดลก็ได้โทรศัพท์มาหาตน ซึ่งตนก็ได้แนะนำไปว่า ให้มาเอาเอกสารขอรักษาสถานภาพนักศึกษา แต่วันนั้นนายศิวะดลก็นำหลักฐานมาไม่ครบ ตนจึงให้กลับไปเอาเอกสารเพิ่มเติม หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้รับการติดต่อจากนายศิวะดลอีกเลย จนกระทั่งทราบข่าวว่า นายศิวะดล ผูกคอตายเสียชีวิต
อาจารย์คนดังกล่าว ยังกล่าวอีกว่า ตนคิดว่านายศิวะดลด่วนตัดสินใจเกินไป จึงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ และตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้สามารถแก้ปัญหาได้ และในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ตนก็พยายามหาหนทางช่วยเหลือนายศิวะดล แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางอาจารย์ และอธิการบดีได้ชี้แจง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางด้านมารดาของนายศิวะดล ก็ได้อโหสิกรรม เพื่อไม่ได้เป็นบาปกรรมแก่กันต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


วิธีแก้ของสาวๆที่รักแร้ดำ 
เก็บตกมาจากหลายสิบเว็ป เยอะมาก (แสดงว่าผู้หญิงส่วนมาก รักแร้ดำ) รักแร้ดำ ทำอย่างไร จะค้น วิธีรักษา วิธีแก้ การดูแล รักษา มาฝากค่ะ

      ปัญหารักแร้ดำ เกิดได้จากหลาย สาเหตุ ที่สำคัญคือ การสัมผัสสารเคมีอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยดำ จาก น้ำหอม สารกันเสีย หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Triclosan, Triclocarban, Irgosan ในยาระงับกลิ่นกาย การรักษาจึงต้องแก้ไขตามอาการ หากเป็นการแพ้ น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้ โรลออน ชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า "Fragrance-Free" โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลาก หากมีชื่อสารที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทน
ความอ้วนและการเสียดสีก็เป็นอีกสาเหตุของ รักแร้ ดำ ได้ การแก้ไขจึงควร ลดน้ำหนัก และใช้ยาลดรอยดำ หรือไวท์เทนนิ่ง ทาควบคู่กัน แต่ไม่ควรใช้กลุ่มที่มีกรดผลไม้ ไม่ว่า AHA หรือ BHA เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองยิ่งขึ้น แต่ถ้ารักแร้ดำ และนูนเหมือนกำมะหยี่ (มักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน) ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ
อย่างไรก็ตามการรักษาปัญหา รักแร้ดำ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้วิเคราะห์สาเหตุเพื่อให้ได้ผลตรงกับอาการและรักษาได้ถูกวิธีที่สุด เพราะหากซื้อยามาใช้เองอาจทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น
คำตอบที่เจอ- ใช้ สครับ ขัดเบาๆนะ อย่าแรง ใช้ทุกวัน แล้วก้อหลังอาบน้ำเสร็จก้อต้องลงด้วย whitening หนาๆ (ไม่ต้องยี่ห้อแพงนักหรอก ถูกๆ ก้อได้ผล )

- ใช้ มะขามเปียก ไร้ฝักด้วยนะ ถูเบาๆ ทิ้งไว้แล้วคอยอาบน้ำ เพียงไม่กี่ครั้งขาวขึ้นจริงๆ ส่วนเวลาจะทิ้งไว้นานแค่ไหน ลองทดสอบน้อยๆก่อนดีกว่า

- ใช้มะขามเปียก ผสมกับ นมสด พอกไว้ที่รักแร้ประมาณ 5 -10 นาที ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ขาวชัวส์

- ไปหาหมอเลเซอร์รักษา เสียเงินไปหลายหมื่น ก้อกลับมาดำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มีวิธีที่ง่าย ปลอดภัย และก้อไม่ต้องเสียตังแพงด้วยค่ะ
1. หลีกเลี่ยงการถอนหรือ แว๊กขน เพราะว่าทำห้รักแร้เราเกิดการอักเสบและดำได้
2. เวลาอาบน้ำ ใช้มะขามเปียก + น้ำผึ้ง ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วอาบน้ำตามปกติ
3. เวลาออกจากบ้าน ถ้ามีกลิ่นตัว ให้ใช้ โรลออน ที่ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล สามารถหาซื้อได้ที่คลินิคความงาม หรือซื้อของพวกนีเวียแบบสเปรมาใช้ก้อได้ค่ะ ลองอ่านดูให้ดีค่ะ ยี่ห้ออะไรก้อได้ ที่ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล และ สารส้ม
4. ก่อนนอน ให้ใช้ครีมทาผิวที่เป็นพวก whitening ทาที่รักแร้ จากนั้นเอาแป้งฝุ่นทาทับ
ลองทำดูค่ะ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 3-6 เดือน รับรองค่ะ แต่ที่สำคัญ คุณก็ต้องทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ถ้าอยากสวย อยากมั่นใจก้อต้องมีวินัยกะตัวเองนะคะ
อ้อ อีกข้อค่ะ ถ้าลำบากที่จะหามะขามเปียก ใช้มะนาวแทนก้อได้ค่ะ ได้ผลเหมือนกัน ปลอดภัยค่ะ

- ใช้มะนาว ถูกทุกวันหลังอาบน้ำค่ะ แต่จะเห็นผลช้าหน่อยนะค่ะ

- ทำตามวิธีเรานะ เพราะว่าเราลองทำดูแล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดว่า รักแร้ จะเนียนจากที่ขาวเนียนแล้วก็ทำให้ขาวขึ้นไปอีก
1. นำมะขามเปียก ผสมกับ น้ำผึ้ง นิดน้อยนำมาทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก
2. ใช้มะนาว นี่แหละเอามาถูรักแร้ ส่วนที่เหลือนำมาถูตามข้อพับ หัวเข่า ข้อศอกที่ดำๆได้ด้วย
3. ใช้ เกลือญี่ปุ่น ขัดเบาๆ เน้นว่าเบาๆนะ ไม่งั้น เกลือ จะบาดรักแร้เอา แสบแย่เลย
ขั้นตอนสุดท้าย ถ้าไปที่ไหน ๆ ก็ใช้โรลออนที่ไม่มีแอลกอฮออล์ทา นะ เช่น นีเวีย พวกที่เป็นแบบสเปรย์ อะ รักแร้จะเรียบเนียนเชียวละ
ถ้ากลางคืน แนะนำให้เอา โลชั่น ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวขาวมาทารักแร้แล้วทาแป้งฝุ่นทับ รับรองว่าขาวแน่ๆ เชื่อเราสิ

- วิธีการแก้ไขปัญหารอยดำคล้ำบริเวณใต้วงแขน สามารถทำได้โดยการใช้ โลชั่น ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ ไวท์เทนนิ่ง ทาเป็นประจำ เช้า - เย็น รวมทั้งการใช้ สครับ ขัดผิวบริเวณใต้วงแขนเบา ๆ สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ก็จะช่วยทำให้ รอยคล้ำ ค่อย ๆ จางลงได้ค่ะ
ที่สำคัญไม่ควรเกา หรือทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวบริเวณนั้นอีก เพราะการเสียดสีจะยิ่งทำให้เกิดรอยดำคล้ำมากขึ้นค่ะ

- ใช้มานาน นานมากๆๆ กวนอิม ค่ะดีจริงๆ แต่รอระยะเวลาหน่อย ก่อนนอนค่ะ แล้วเมื่อตื่นนอนก็ขัดออกด้วยใยสังเคราะห์หรืออะไรก็ได้ที่ล้างได้ออกหมดจด หลังจากนั้นก็ใช้ของประจำของคุณไป ก่อนนอนก็ทาใหม่ทำทุกวันอย่างนี้ รับรองค่ะได้ผลจริง ๆ

- ปัญหา วงแขน คล้ำอาจเกิดจากโรลออนที่ใช้ ซึ่งอาจมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ วงแขนคล้ำ ลองเปลี่ยนยี่ห้อโรลออนที่ใช้ เลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนั้นควรใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ ไวท์เทนนิ่ง ทาบริเวณที่คล้ำ จะช่วยทำให้รอยคล้ำจางลงได้ค่ะ

- การทำให้สีผิวที่คล้ำลงบริเวณรักแร้ดูขาวขึ้น สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการใช้สารที่อาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสี ( เมลานิน ) มากขึ้นไปอีก เช่น สารส้ม ลูกกลิ้งที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

- ส่วนการทำให้รักแร้ที่ดำไปแล้วดูขาวขึ้น ควรใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ ไวท์เทนนิ่ง หรือ AHA ทาเป็นประจำทุกวัน เช้า - เย็น สีผิวที่คล้ำจะค่อย ๆ จางลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลากว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาวแน่นอนค่ะ

- เป็นเพราะใช้ ลูกกลิ้ง ที่มี แอลกอฮอล์ละซิ จึงทำให้รักแร้ดำ ลองหันมาใช้ ลูกกลิ้ง ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซิ รับรองขาวเหมือนสีผิวแน่นอน....อยากรู้มั๊ยว่ายี่ห้ออะไร ..บอกให้ก็ได้ Axxxx งัย ดีจริง ๆ ใช้แล้วรักแร้ไม่ดำ ใช้แค่นิดเดียว
- เราก้อรักแร้ดำ เสียเงินไปหลายหมื่น ใช่ เลเซอร์ รักษา กว่าแผลจะหายใช้เวลาเกือบปี แถมตอนนี้ก้อกลับมาดำเหมือนเดิม แนะนำนะคะ ให้ไปปรึกษาคุณหมอ ใช้ยารักษา หรือว่าลองซื้อ ขี้ผึ้งวิทฟิล ของเภสัช ค่ะ อย่าถอน อย่าใช้สารเคมีต่างๆ
- ใช้มะนาว และ มะขามเปียก ดีที่สุดค่ะ ยังไงก้อไม่แพ้ และที่สำคัญ ห้าม!!!! ใช้พวก โรออน ที่มีส่วนผสมของสารส้ม หรือ สารส้ม เด็ดขาด
นั่นล่ะค่ะ ตัวทำให้รักแร้เราดำเลย บางคนใช้อาจไม่เป็นอะไร แต่คนส่วนมากใช้แล้วจาทำให้รักแร้ดำนะคะ
- ใช้ ยาสีฟัน สีขาว พอกไว้ตรงรักแร้ แล้วล้างออก แล้วทาด้วยแป้ง ทุกวัน เดี๋ยวมันจะขาวเอง เราลองแล้ว ขาวจั๊วเลยอะ
- ใช้ กวนอิม ค่ะ เห็นผลทันตา เพราะใช้อยู่ค่ะ แถมไม่มีกลิ่นตัวอีกต่างหาก
- สารส้ม เหมาะกับคนที่มี กลิ่นตัว พอใช้แล้วกลิ่นตัวจะหายแต่รักแร้ดำ เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาพวกนี้อย่าใช้สารส้มดีกว่า ลองหาวิธีอื่นดูสิ

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


เตือนภัย"ด้วงก้นกระดก-ด้วงน้ำมัน"ขับสารพิษถึงขั้นตาบอด-ตาย

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2555 เวลา 09:11 น.
วันนี้ (11 พ.ค.) นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์  รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณีรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งมีการพูดคุยกับผู้ที่เคยสัมผัสกับพิษร้ายของแมลงชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดเล็ก แต่มีพิษมหาศาล เพียงแค่สัมผัสถูกพิษที่ออกจากร่างกายของแมลงชนิดนี้ก็ทำให้เกิดแผลพุพองขนาดใหญ่ได้นั้น  จากการตรวจสอบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าแมลงชนิดนี้มีชื่อทางการว่าด้วงก้นกระดก หรือ แมลงก้นกระดก หรือแมลงเฟรชชี่ พบมากในช่วงเปิดเทอมที่เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งแมลงต้องการความชื้นเพื่อการขยายพันธุ์ 
จึงขอเตือนประชาชนระวังอันตรายจากแมลงมีพิษดังกล่าว ลักษณะทางกายภาพของแมลงชนิดนี้คือ เป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็ก มีความยาวเพียง4-7 มิลลิเมตรมีลักษณะจำเพาะคือปีกคู่แรกแข็งและสั้นมีสีมันวาว ปีกคู่สองมีขนาดใหญ่แต่จะมองไม่เห็นเด่นชัด ลำตัวเล็กเรียว  ส่วนท้องยาวโผล่ออกมานอกปีกสังเกตเห็นได้ง่ายโดยจะชอบงอส่วนท้องขึ้นๆลงๆเมื่อเกาะอยู่กับที่  มีลักษณะสีสันต่างกัน ชนิดที่พบบ่อยในประเทศไทยนั้น  ส่วนท้องมีสีส้ม ชาวบ้านชอบเรียกแมลงชนิดนี้ว่าด้วงปีกสั้น ด้วงก้นกระดก หรือ ด้วงก้นงอนตามลักษณะของท้องที่งอขึ้นๆลงๆ  แมลงชนิดนี้มีสารพิษชื่อสารเพเดอริน (Paederin)  เมื่อถูกผิวหนังจะทำให้เป็นผื่นคันหรือแผลพุพอง ผิวหนังไหม้แดง ปวดแสบปวดร้อน มีไข้ และถ้าถูกพิษบริเวณดวงตาอาจทำให้ตาบอดได้  มีแหล่งเพาะพันธุ์อยู่ตามบริเวณพื้นดินชื้น เช่นตามกองมูลสัตว์ พื้นดิน ในกองไม้  แต่จะชอบบินเข้ามาเล่นแสงไฟในบ้านเรือนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนที่เผลอไปสัมผัสได้
รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ส่วนด้วงน้ำมัน เป็นแมลงปีกแข็งเช่นเดียวกับด้วงก้นกระดกแต่มีขนาดใหญ่กว่าลำตัวยาว3-3.5 เซนติเมตร ปีกคู่หน้ามีแถบสีเหลืองสลับดำอย่างละ 3 แถบ ชาวบ้านเรียกว่า ด้วงไฟถั่วหรือด้วงไฟเดือนห้า อันตรายของด้วงน้ำมันมักเกิดจากมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกแมลงกินได้จึงนำไปรับประทานอาจทำให้เสียชีวิตได้ถ้ารับประทานมากกว่า 3 ตัวขึ้นไป  ผู้ป่วยที่บริโภคด้วงน้ำมันเข้าไปจะมีอาการคออักเสบ กลืนอาหารลำบาก ปวดท้อง คลื่นไส้ อุจจาระร่วง อาเจียนเป็นเลือด ความดันโลหิตลดลง ปัสสาวะเป็นเลือด สลบ และเสียชีวิตจากภาวะหายใจล้มเหลว  ด้วงน้ำมันถ้าถูกรบกวนหรือถูกต้องตัวจะขับของเหลวสีเหลืองอ่อนที่มีสารพิษแคนทาริดิน (cantharidin) ออกจากข้อต่อของส่วนขา ถ้าพิษถูกผิวหนังจะเป็นตุ่มพุพองอักเสบ โดยสารแคนทาริดินนี้จะไม่ถูกทำลายโดยความร้อนจากการหุงต้มหรือเผาไฟ แม้ผู้รับประทานจะนำด้วงน้ำมันไปผ่านความร้อนก็ยังได้รับอันตรายจากแมลงชนิดนี้
โดยปกติแมลงทั้งสองชนิดนี้จะไม่กัดคน แต่ถ้าบังเอิญถูกแมลงไต่ตามร่างกายแล้วไปตบตีหรือทำให้ลำตัวแตกหักพิษในตัวแมลงจะถูกขับออกมาเป็นลักษณะของเหลวแล้วซึมเข้าร่างกายจะทำให้เกิดอาการแพ้ดังกล่าว  ดังนั้นหากร่างกายสัมผัสถูกพิษให้รีบล้างน้ำสะอาด หรือเช็ดด้วยแอมโมเนียทันที  และไม่ควรสัมผัสบริเวณที่ถูกพิษเพราะอาจเกิดการลุกลามหรือติดเชื้อซ้ำ ควรทาแผลด้วยยาปฏิชีวนะประเภทครีม แต่ถ้ามีอาการรุนแรงและเป็นนานควรไปพบแพทย์ นอกจากนี้เราสามารถป้องกันตัวเองได้โดยลดความสว่างของแสงไฟเวลากลางคืน หรือปิดมุ้งลวดป้องกันแมลงให้มิดชิดเนื่องจากด้วงก้นกระดกมักเข้ามาเล่นแสงไฟในตอนกลางคืน

หญิงจีนป่วยทางจิต เร่ร่อน คลอดลูกเอง ไม่ให้แพทย์ช่วย



หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง
 
หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง

หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง

หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bbs.163.com

          เว็บไซต์ไชน่าสแม็ค รายงานข่าวที่ชวนให้รู้สึกทึ่ง ระคนไปกับความเห็นอกเห็นใจ และรู้สึกเป็นห่วง เมื่อปรากฏว่าพบหญิงเร่ร่อนชาวจีน ที่คาดว่าน่าจะมีอาการทางจิต คลอดลูกออกมาในตรอกเล็ก ๆ ข้างซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าหลงกุ่ย ในเขตไป่หยุน ของมณฑลกวางโจว แถมยังอุ้มลูกที่ยังไม่ได้ตัดสายสะดือเดินไปมา และปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์อีกด้วย

          ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นกล่าวว่า พบเห็นหญิงเร่ร่อนคนนี้ในพื้นที่แถวซูเปอร์มาเก็ตตั้งแต่ 2-3 เดือนที่แล้ว บ้างก็ว่าเธออาศัยอยู่ที่ห้องน้ำสาธารณะใกล้ ๆ กันนั้น แต่เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็พบว่าเธอเดินพร้อมกับอุ้มเด็กทารกแรกคลอดในสภาพเปลือยไว้ในอ้อมแขน แถมสายสะดือก็ยังคงเชื่อมกันอยู่ระหว่างเธอและทารกน้อยอยู่ ในเวลาต่อมาจึงพบว่าหญิงเร่ร่อนคนนี้ได้ใช้กรรไกรตัดสายสะดือเอง และทิ้งซากสายสะดือที่ตัดทิ้งไว้หน้าซูเปอร์มาเก็ตแห่งนั้นนั่นเอง 

          แม้จะมีพยาบาลเสนอให้ความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาล เพื่อดูแลและให้นมลูกของเธอ แต่หญิงคุณแม่ผู้เร่ร่อนคนนี้ก็ปฏิเสธหนักแน่นและไม่ยอมไป เธอเดินหลบหายไปยังคูน้ำที่อยู่ข้างถนน วางลูกน้อยที่ตัวเปล่าเปลือยไร้เสื้อผ้าห่อหุ้มลงกับพื้นดิน และก้มลงใช้ถุงพลาสติกตักน้ำขึ้นมาใส่ปากดับความกระหาย ภาพที่เห็นสร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก 


หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง

หญิงจีน เร่ร่อน - เป็นบ้า คลอดลูกเองกลางแจ้ง

          อย่างไรก็ตามขณะนี้แพทย์จากโรงพยาบาลกาชาดในเขตไป่หยุน ได้เข้าให้ความช่วยเหลือทารกน้อยคนนี้แล้ว โดยแพทย์ของโรงพยาบาลวิเคราะห์ในเบื้องต้นว่าหญิงเร่ร่อนคนดังกล่าวมีอาการผิดปกติทางจิตแน่นอน และได้ติดต่อโรงพยาบาลทางประสาทให้รับตัวเธอไปดูแลรักษา ส่วนทารกน้อยที่ปรากฎว่าเป็นเพศชายคนนี้ ได้รับการพยาบาลดูแลในเบื้องต้นแล้ว และจะส่งตัวเขาไปทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง