วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554



'ลอบสเตอร์' เมนูคนจนและผู้ใช้แรงงาน

หลากหลายเมนูจานเด็ดที่โด่งดังไปทั่วโลก ครั้งหนึ่งในอดีตเคยถูกจัดเป็น 'อาหารชั้นต่ำ'

คุณรู้หรือไม่ว่า อาหารหลากหลายเมนูที่หลายคนยอมรับว่าเป็น 'เมนูจานเด็ด' และยังเป็นเมนูที่โด่งดังไปทั่วโลก ในอดีตกลับเป็นอาหารที่ถูกดูถูกเหยียดหยามจากชนชั้นสูง อีกทั้งยังจัดว่าเป็นอาหารชั้นต่ำและไม่มีคุณค่าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กุ้งลอบสเตอร์ หอยนางรม ฟัวกราส์ โปเลนต้าและซูชิ

'กุ้งลอบสเตอร์' (Lobster) หรือที่หลายคนเรียกกันว่า 'กุ้งมังกร' เป็นอาหารทะเลราคาแพง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีจำนวนมากในทวีปอเมริกาเหนือชนิดที่เรียกว่า หว่านแหเมื่อไหร่ก็เจอกุ้งชนิดนี้ได้ทันที จนทำให้ผู้คนสมัยก่อนเห็นกุ้งลอบสเตอร์เป็นส่วนเกินที่ไม่มีค่า อีกทั้งยังเรียกมันว่า 'แมลงทะเล' เพราะเชื่อว่าจัดอยู่ในสัตว์จำพวกแมงมุมยักษ์ คนจึงเกลียดชังและมักนำไปทำปุ๋ย จะมีก็แต่คนจนและผู้ใช้แรงงานเท่านั้นที่จะนำกุ้งลอบสเตอร์มาทำเป็นอาหาร

'หอยนางรม' (Oysters) แม้ปัจจุบันหอยนางรมจะมีราคาสูงเมื่อเทียบกับหอยชนิดอื่น เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายและจัดว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่หอยนางรมเคยจัดเป็นอาหารชั้นต่ำ เนื่องจากหลายคนคิดว่า การกินหอยนางรมเปรียบเสมือนกินหินที่ข้างในเป็นทารก อีกทั้งยังเป็นชื่อของเครื่องทรมานชนิดหนึ่งของยุโรป ทำให้ในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19 หอยนางรมนิยมกินกันมากในหมู่คนจนและผู้ใช้แรงงานเท่านั้น

'ฟัวกราส์' (Foie gras) เมนูที่ถือว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดาและเป็นหนึ่งในอาหารฝรั่งเศสที่ทั่วโลกรู้จักมากที่สุดนอกเหนือจากไข่ปลาคาเวียร์(caviar) แต่มีน้อยคนที่รู้ว่า ต้นกำเนิดของฟัวกราส์แท้ๆไม่ได้มาจากฝรั่งเศส แต่เป็นอียิปต์โบราณ โดยกษัตริย์เมืองสปาตาสนใจการขุนอาหารแบบนี้ ทำให้เริ่มเผยแพร่เข้าไปในยุโรป แต่ช่วงแรกๆฟัวกราส์ก็ยังไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากชาวไร่ชาวนายุคกลางในฝรั่งเศสส่วนใหญ่เลี้ยงหมูมากกว่าสัตว์ปีก ทำให้สูตรอาหารชนิดนี้ตกอยู่ในมือของชาวยิว ซึ่งสมัยก่อนชาวยุโรปมักดูถูกและต่อต้านวัฒนธรรมของชาวยิว ทำให้มองอาหารชาวยิวต่ำไปด้วย

'โปเลนต้า' (Polenta) ข้าวโพดบดที่นำมาทำได้หลายเมนูอไม่ว่าจะเป็นซุปหรือขนมต่างๆ มักได้รับความนิยมจากคนวัยทำงานและคนที่เล่นกีฬา ในอดีตเคยได้รับสมญานามว่าเป็นอาหารที่เลวร้ายที่สุดของโลก ถึงขั้นดูถูกว่ากินแล้วจะเป็นโรคกระดูกอ่อนหรือโรคจิตเสื่อมได้ โดยภาคเหนือของอิตาลีบอกว่ามันเป็นอาหารที่น่าเบื่อ ไม่มีรสชาติและรูปร่างน่าเกลียดขรุขระ

'ซูชิ' (sushi) อาหารญี่ปุ่นที่ทั่วโลกรู้จักดี แต่เดิมนั้นไม่ใช่อาหารของญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเภทปลาหมักกับข้าวมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยและลาว ซึ่งการหมักปลามักทำกันแพร่หลายโดยเกษตรกรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง ต่อมาแพร่หลายในจีนและญี่ปุ่น และในปี 1336-1573 ญี่ปุ่นได้คิดค้นวิธีผลิตน้ำส้มสายชูจากการหมักข้าว จึงนำน้ำส้มสายชูมาผสมลงในข้าวที่หุงเสร็จแล้วเพื่อทำให้ข้าวอยู่ได้นานขึ้นและยังเป็นการเพิ่มรสชาติข้าว พอลองนำมารับประทานกับปลาดิบและวาซาบิก็พบว่าอร่อยขึ้น จึงเป็นที่มาของซูซิตั้งแต่นั้นมา ทั้งนี้ ซูชิไม่ได้ถูกดูถูกจากญี่ปุ่นแต่เป็นอเมริกา เนื่องจากตอนที่ซูชิเริ่มเข้ามาในอเมริกามาใหม่ๆ ชาวตะวันตกไม่ยอมรับว่าข้าวดองนี้คืออาหารและเป็นเรื่องยากที่จะทำให้พวกเขายอมรับอาหารดิบ นอกจากนี้ชาวตะวันตกยังคิดว่าข้าว คือ ธัญพืช ไม่จัดเป็นอาหารหลัก ทำให้กว่าจะเปิดตลาดซูชิในอเมริกาได้ ก็ต้องรอถึงปี 1980 ขณะที่ปัจจุบันซูชิกลายเป็นเมนูที่ได้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดของญี่ปุ่น ซึ่งให้คุณค่าทางอาหารมากกว่าฟาสต์ฟู้ดของอเมริกา จนเกิดเมนูที่เรียกว่า 'แคลิฟอร์เนียโรล'

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น